Bu Blogda Ara

11 Ocak 2012

The Semi-Terminal (Thai Version)

ทันทีที่ผมวางหนังสือเดินทางที่เคาท์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินนานาชาติของกรุงนิวยอร์ก ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งปรากฏกายออกมา อันที่จริงแล้วเขาตามผมมาตั้งแต่ผมออกจากเครื่องบิน ผมทำเป็นไม่เห็นเขาเพื่อจะไม่ดูมีพิรุธ แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรได้ เพราะเขาไม่พยายามแอบเลย ตำรวจนายนี้คว้าเอาหนังสือเดินทางของผมไปก่อนสุภาพสตรีที่นั่งอยู่เสียอีก “คุณมาจากตุรกีเหรอ” เขาถามด้วยเสียงทุ้มต่ำเป็นงานเป็นการ
- ครับผมมาจากตุรกี ทำไมครับ มีอะไรผิดปกติกับหนังสือเดินทางหรือวีซ่าไหมครับ
- เปล่า เปล่า ไม่น่ามีอะไรผิดกับวีซ่านายหรอกนะ ก็แค่ ฉันไม่เคยเห็นคนตุรกีคนไหนที่ผมบลอนด์ทองมาก่อน นายย้อมสีผมก่อนเดินทางมานี่รึเปล่า
- เปล่านะครับ นี่สีผมจริง คนที่ผมสีทองมีมากมายในตุรกีและพวกเขาก็เป็นคนตุรกี ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดอะไรในประเทศผมเลย อย่างน้อยก็แถบที่ผมอยู่ ผมเดาว่าเราเป็นทายาทสืบเชื้อสายของชาวโรมันหรือกรีก ที่มาจากแถบทะเลดำนะครับ
- อืม ฉันขอบอกว่าคนตุรกีผมบลอนด์หนะอันตรายกว่าอะไรทั้งนั้น อาจเป็นการอำพรางตัว ฉันว่าถ้านายมีวาระซ่อนแร้นในใจอะไรหละก็นะ
- อันตรายงั้นหรือ คุณหมายความว่ายังไงกับคำว่าอันตราย ผมทำอะไรผิด แล้วจะพรางตัวทำไมนี่
- นายยังไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ฉันกำลังหาคำตอบของเรื่องนี้อยู่ ว่านายมีจุดประสงค์ในการจะทำอะไรที่ผิด นายอะห์เหม็ท บาซัคเม็ด นี่ชื่อนายเหรอ ฟังฉันนะ นายเป็นมุสลิมหรือเปล่า
- ผมชื่ออะห์เหม็ท ถูกต้อง แต่ผมไม่ใช่มุสลิม
- เป็นไปได้อย่างไร นายไม่ได้มาจากตุรกีหรือไงนี่ ชื่อนายหนะมุสลิมชัดๆ
- ถูกต้องแล้วครับ ผมมาจากตุรกีและมีชื่ออาราบิก แต่ผมไม่คิดว่าผมเชื่อในพระเจ้าองค์ใด และไม่คิดหรอกนะว่าคนตุรกีทั้งหมดจะเป็นมุสลิม เข้าใจไหมครับ คราวนี้จะให้คนตุรกีที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าประเทศคุณได้ไหมครับ
- นายพิสูจน์ซิ
- พิสูจน์อะไร
- พิสูจน์ว่านายไม่ใช่มุสลิมทั้งที่ในพาสปอร์ตบอกว่านายนับถืออิสลาม
- เฮ่อ ในตุรกีนั้นการเป็นเอเธสคือไม่เชื่อเรื่องศาสนาและพระเจ้านั้น ยังไม่ระบุว่าว่าเป็นศาสนา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเอเธสในตุรกี ที่คุณเห็นในพาสปอร์ตผมนั้นคือศาสนาที่พ่อแม่ผมนับถือตั้งแต่เมื่อครั้งที่ท่านทั้งสองคิดว่าผมจะเชื่อในสิ่งที่พวกท่านเชื่อ แต่ก็เอาเถอะ ผมไม่ทำแล้วก็ไม่สามารถทำ ผมไม่รู้ว่าคนหนึ่งจะพิสูจน์ความเชื่อ หรือการไม่เชื่อของตัวเองอย่างไร คุณจะจับผมไปเข้าเครื่องจับเท็จไหมหละ บางทีอาจจะยังมีคำลวงจากครอบครัวผมเหลืออยู่ หรือไม่ก็เครื่องเอกซเรย์สมองเป็นไง จะได้เห็นหากยังมีเซลล์บางตัวที่ใช้ชื่อของพระเจ้า แต่ผมก็สงสัยอยู่เพราะว่าได้ลบออกไปนานแล้ว คุณหละนับถือศาสนาอะไร เป็นคริสต์หรือเปล่า
- ไม่ใช่เรื่องของนาย
- อ้าวถ้างั้นลองพิสูจน์สิว่าศาสนาของคุณคือ ไม่ใช่เรื่องของผม
- นี่นายล้อเลียนที่ฉันถามเหรอ มันหน้าที่ของฉันที่จะถามนาย หากนายยังขืนทำแบบนี้ฉันจะจับนายไปขัง จงตอบคำถาม เอาหละวัตถุประสงค์ของการมาครั้งนี้คืออะไร
- ผมได้เขียนวัตถุประสงค์ไปแล้วอย่างน้อยสามครั้ง ในแบบฟอร์มการขอวีซ่า แล้วคุณก็ยังมาถามผมอีก ผมมางานศพเพื่อนและจะไม่อยู่นานเกินสองวัน โรงแรมก็ได้จองแล้ว ตั๋วเครื่องบินขากลับก็มีและยังมีงานที่ตุรกีที่ผมต้องกลับไปทำด้วย ไม่ได้คิดจะอยู่ในประเทศของคุณนานเกินความจำเป็นเลย
- งานศพเหรอ งานศพใคร
- เพื่อนของผมตายจากอุบัติเหตุ เราเคยเรียนอยู่คณะเดียวกันในมหาวิทยาลัย เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของผม ผมจึงต้องมางานศพให้ได้เพื่อมาลาครั้งสุดท้าย
- นายมีเบอร์ติดต่อที่อเมริกา ที่นอกเหนือจากโรงแรมไหม
- ไม่มีหรอกครับ คนๆเดียวที่ผมรู้จักได้ตายไปแล้วและวันนี้ก็มีงานศพเขา ฉะนั้นหากคุณต้องการผมก็มีแค่ที่อยู่ของเพื่อนผู้จากไป
- นั่นไม่ได้นะ ไม่มีคนที่มีชีวิตอยู่หรือไง
- ผมไม่รู้ ก็บอกแล้วไง เขายังโสดและเช่าอยู่อพาร์ทเม้นกับเพื่อน
- เขาชื่ออะไร
- อับดุลราห์มาน
- เป็นมุสลิมหรือเปล่า ฉันพนันได้เลยว่าเป็นแน่ๆ
- ใช่เขาเป็นมุสลิม เขาเชื่อในพระเจ้าและปฏิบัติตามหลักศาสนาเท่าที่เขาจะทำได้ แต่เราไม่เคยเอาเรื่องศาสนามาคุยกันนัก ดังนั้นผมจึงไม่สนใจว่าเขาจะเชื่อในอะไร เราคุยกันเฉพาะเรื่องเรียน เราเรียนเคมีเหมือนกัน
- เขามาจากไหนนะ
- เขาเป็นอเมริกัน แต่เดิมครอบครัวเขามาจากปากีสถานตั้งแต่ปี 1970
- อืม กลับมาที่เรื่องนาย นายบอกว่านายไม่ใช่มุสลิมแต่นายชื่อ อะห์เหม็ด ทำไมยังไงนะ
- ก็เพราะว่าพ่อแม่ผมเป็นมุสลิม และอะห์เหม็ดคือชื่อของปู่ผม มันเกี่ยวกันยังไงระหว่างชื่อคนกับศาสนาที่เขานับถือเนี่ย ชื่อคนนั้นมาจากพ่อแม่ตั้งให้แต่ศาสนาความเชื่อเป็นสิ่งที่คนเราเลือกจะเชื่อ คุณคิดดูให้ดีดีนะ
- ถ้างั้นนายก็คิดเรื่องศาสนาของนายมาอย่างลึกซึ้งแล้วสิ ขอฉันดูหนังสือในมือนั่นหน่อย
- ได้สิ แต่ว่าผมจะไปได้หรือยังหลังจากคุณดู ผมไม่อยากไปถึงงานศพสาย
- เรื่องนั้นต้องรอก่อนคุณอะห์เหม็ด ฉันยังไม่เชื่อว่านายไม่มีอะไรแอบแฝง ขอหนังสือนั่นก่อน โอ้อ้า อะไรนี่ หนังสือเคมี นายอ่านหนังสือเกี่ยวกับเคมีทำไม
- เพราะผมเป็นอาจารย์วิชาเคมีไงครับ ท่านครับผมมีสอนในเช้าวันจันทร์ ดังนั้นผมจึงต้องเตรียมการสอน
- ดูนี่สิ ว่านายมีอะไร การระเบิด ในบทนี้นายจะสอนวิธีการทำไดนาไมต์งั้นสินะ
- ก็ไม่เชิงอย่างนั้น มันว่าด้วยหลักเคมีของการระเบิด ไม่ใช่วิธีการทำระเบิด ผมไม่คิดว่าจะมีใครที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะไปทำไดนาไมต์ได้นะครับ นอกเหนือจากนั้น การรู้วิธีทำไดนาไมต์ก็ไม่ได้ทำให้คนคนนั้นเป็นฆาตกรไปได้ โนเบลเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ที่คิดค้นสร้างมัน น่าแปลกใจใช่ไหมหละเพราะว่าเขาเองที่เป็นคนริเริ่มรางวัลโนเบลขึ้นมา
- นายหมายความว่าหนังสือเล่มนี้ไม่มีพิษภัยใช่ไหม
- ใช่แล้วครับท่าน ไม่มีพิษภัยใดใดพอพอกับ สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ดนั่นเลยทีเดียว
- โอเค อะห์เหม็ด ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเคมีมากนัก จึงไม่ขอเถียง แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าแผ่นดินสหรัฐ หนังสือของนายจะถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อความมั่นใจว่ามันจะไม่นำมาซึ่งภัยอันตรายต่อพลเมืองของเรา
- แต่มันจะเป็นการเสียเวลามากนะครับคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมไม่มีเวลาในการรอมากนัก คุณเอาหนังสือนี่ไปแล้วปล่อยผมไปเถอะ
- ไม่ได้หรอกอะห์เหม็ด ฉันเกรงว่าจะทำอย่างนั้นไม่ได้ นายดูจะมีหลายอย่างปิดบังอำพรางไว้ นายมาจากตุรกีแต่นายผมบลอนด์ นายไม่นับถืออิสลาม คนคนเดียวที่นายรู้จักในสหรัฐได้ตายไปเมื่อวาน แล้วนายยังอ่านหนังสือเรื่องการระเบิด โดยรวมทั้งหมดแล้วกลิ่นมันตุตุพิกล ช่วยกรุณาตามฉันมาทางนี้ เกรงว่าจะปล่อยให้นายเข้าประเทศไม่ได้ ฉันต้องรายงานสถานะของนายให้หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของสนามบินนี้ทราบ พวกเขาจะจัดการกับนายเอง ไม่ใช่กับฉัน ปากกาไปไหนวะ ฉันขอยืมปากกานายหน่อย ปากกาฉันหายอีกแล้ว ขอบใจ เอาหละนั่งลง นายบอกว่านายย้อมผมเมื่อวานนี้ใช่ไหม

Hiç yorum yok:

Yorum Gönder